เคียวชิโร่ 2030

เคียวชิโร่ 2030

เคียวชิโร่ 2030 ซีรีส์เปิดเรื่องด้วย Kyoshiro ทหารอากาศหนุ่มที่บินเครื่องบินเหนือทะเลทรายอันกว้างใหญ่ในขณะที่กำลังช่วยตัวเอง ความสนใจของเขาหันไปที่ชายชราคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะไล่ตามและน่าจะทำร้ายหญิงสาวผมบลอนด์แสนสวย ไม่อายที่จะตื่นตัวเลยแม้แต่น้อย เคียวชิโระกระโดดลงมาจากเครื่องบินเพื่อช่วย (หรืออาจเข้าร่วมด้วย) เพียงเพื่อจะพบว่าฉากนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ในความเป็นจริง มีสุนัขพูดได้สีขาวนั่งอยู่ตรงหน้าเขา (นึกถึงไบรอัน กริฟฟิน) และชายชราที่ตายไปแล้ว สุนัขตัวนี้แนะนำตัวเองว่าชื่อ Dr. Bavenski ซึ่งบังเอิญมีชื่อเดียวกับศพที่นอนอยู่บนพื้น

ปรากฎว่า Dr. Bavenski (มนุษย์) ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากได้ทำการปลูกถ่ายสมองของเขาในร่างโคลนให้กับสุนัขเลี้ยงของเขา และหลังจากนั้นก็เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในสมอง เมื่อถึงคำอธิบายนี้ มีการใช้คำหยาบคายและเรื่องตลกเกี่ยวกับจู๋หลายครั้งแล้ว

แม้จะมีโทนตลกขบขัน แต่สถานการณ์ระดับชาติของญี่ปุ่นในปี 2030 นั้นเป็นอะไรที่ตลกขบขัน หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ในปี 2546 (มังงะเริ่มต้นในปี 2540) ซึ่งทำให้ประเทศกลายเป็นดินแดนรกร้างหลังทำสงครามกับสหรัฐฯ และจีน พรรคจีโนมฝ่ายขวาเข้ามามีอำนาจ นำโดยผู้นำที่มีเสน่ห์ซึ่งมีลักษณะคล้ายฮิตเลอร์อย่างมาก อุดมการณ์ของพรรคมีพื้นฐานมาจากลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับ “ทฤษฎี M-Gene” ที่พัฒนาโดยดร.บาเวนสกี้ผู้ล่วงลับ

ซึ่งสรุปว่าอาชญากรรมในมนุษย์สามารถโยงไปถึงยีนที่ค้นพบใหม่ได้ ปัญหาในปัจจุบันของมนุษยชาติจำนวนหนึ่งถูกตำหนิโดย M-Gene รวมถึงพฤติกรรมทรยศ การควบคุมของพรรคเริ่มต้นด้วย “พระราชบัญญัติข้อมูลสุขภาพแห่งชาติ” ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลรวบรวมข้อมูลทางพันธุกรรมของประชาชน ถัดมาคือ “กฎหมายคุ้มครองจีโนมมนุษย์” ซึ่งกักกันบุคคลที่ได้รับผลกระทบ (ประชากรเกือบทั้งหมด) และถูกนำมาใช้เพื่อพิสูจน์ความเป็นทาสของมนุษย์ใน “โอเอซิสฟาร์ม” ซึ่งอธิบายไว้ในมังงะว่าเปรียบได้กับเอาชวิตซ์ เพื่อควบคุมและติดตามการสืบพันธุ์ของมนุษย์ ผู้ชายและผู้หญิงจะถูกแยกออกจากกัน และห้ามไม่ให้มีการสัมผัสกันโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามต้องมีข้อยกเว้นบางประการ คุณภาพที่มีศักยภาพของ M-Genome คือความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าดังที่เห็นใน Kyoshiro ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูในสถานพยาบาลพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดทหารที่ทรงพลัง แม้ว่าเขาจะถูกเลือกปฏิบัติในเรื่อง M-Gene ของเขา แต่ Kyoshiro ก็มีความสุขกับอิสระในชีวิตของทหาร ซึ่งตรงข้ามกับการถูกกดขี่ร่วมกับประชากร 99%

Kyoshiro นำ Dr. Bavenski กลับไปที่เต็นท์ของเขา ซึ่งเขาแนะนำรูปแบบความบันเทิงเบื้องต้นของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นเครื่องเพศเสมือนจริงที่ผู้ใช้นอนลงในอุปกรณ์ที่มีรูปทรงเหมือนอ่างอาบน้ำทั้งตัวและจมอยู่ในชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการบริการที่ร่าเริงและป้องกันการก่อจลาจล รัฐบาลได้มอบเครื่องกลให้ทาสและทหารทุกคน

เนื่องจากการติดต่อทางกายระหว่างชาย/หญิงและเพศสัมพันธ์นั้นมีให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิเท่านั้น ในขณะที่โปรแกรมสามารถใช้สำหรับประสบการณ์ทางความรู้สึกใด ๆ การใช้งานที่เห็นได้ชัดคือการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีเงื่อนไขระหว่างผู้ใช้ชายและหญิง อย่างไรก็ตาม เคียวชิโระได้พบคู่หูระยะยาวทางออนไลน์ ซึ่งเขาคงไม่มีทางหวังว่าจะได้พบกันในชีวิตจริง

เป็นเวลาสี่ปีแล้วที่ Kyoshiro ได้เห็น Yurika ซึ่งเป็นข้าราชการสาวที่ทำงานในสำนักงานของรัฐที่จัดการชุมชนเสมือนจริงแห่งนี้ (ดังนั้นจึงสามารถหลีกเลี่ยงการเป็นทาสได้เช่นกัน แม้ว่าชีวิตที่สะดวกสบายของเธอกับรัฐบาลจะดูไม่มีอะไรนอกจากอิสระก็ตาม) เคียวชิโระและยูริกะสวมเครื่องแบบเต็มตัวบ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และกลับมารวมตัวกันทางออนไลน์ในรูปแบบดิจิทัลที่จำลองแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

แม้ว่าเธอจะให้คำมั่นสัญญากับ Kyoshiro แต่หน้าอกที่ใหญ่และส่วนท้ายของ Yurika ก็ทำให้เธอตกเป็นเป้าของการล่วงละเมิดทางเพศบ่อยครั้งโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจและผู้นำกองทัพ ในเหตุการณ์ดังกล่าวครั้งหนึ่ง ขณะที่ยูริกะกำลังถูกกระแทกกับโต๊ะ เธอได้รับข้อความส่วนตัวจากเคียวชิโระซึ่งขอพบเธอในชีวิตจริงแบบตัวต่อตัว ด้วยเหตุนี้ การเดินทางของ Kyoshiro จึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจาก Dr. Bavenski (สุนัข) ผู้น่ารังเกียจแต่สำนึกผิด ในการต่อต้านระบบที่บ้าคลั่งนี้และช่วยเหลือผู้หญิงที่เขารัก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในประมาณครึ่งเล่ม และซีรีส์ซึ่งสรุปในปี 2547 มีทั้งหมด 20 เล่ม

หากบทนำนี้ยังไม่น่าสนใจพอ ซีรีส์ยังคงสร้างความประทับใจและดึงดูดผู้อ่านตลอดทั้งเรื่อง ประเด็นสำคัญประการแรกเกี่ยวข้องกับตระกูลยางิ ซึ่งประกอบด้วยอดีตนายพลที่ชอบทำร้ายยูริกะ ภรรยาที่มีนิสัยซาดิสม์ของเขาที่เป็นเพื่อนกับยูริกะ และลูกชายของพวกเขา ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ “สมบูรณ์แบบ” ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมซึ่งยูริกะถูกบังคับให้หมั้นหมายด้วย ส่วนโค้งถัดไปเป็นการย้อนกลับไปที่วัยเด็กของ Kyoshiro ในโรงพยาบาลกักกัน และการแข่งขันในปัจจุบันของเขากับ Shiratori อดีตผู้ต้องขังและเพื่อนที่ดีที่สุด (นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์เพศดัดแปลงพันธุกรรมด้วย)

เรื่องราวอื่นๆ พูดถึงการเกือบพบกันของโคอิชิโระและยูริกะ นักแสดงหญิงที่ผันตัวเป็นนายพลหลังจากแต่งงานกับครอบครัวทหาร ทหารหญิงที่โหดร้ายอย่างน่าสยดสยองที่ตัดหัวครอบครัวที่ทรยศหลังจากสนใจยูริกะ พระที่เป็นโรคซึ่งมียีน M ผิดปกติ และน้องชายที่เป็นโรคพอๆ กันของเขา และกัปตันเรือที่สติฟั่นเฟือนได้รับมอบหมายให้ดูแลยูริกะ ซึ่งอารมณ์ของเธอสั่นคลอนระหว่างความรักที่ไม่สมหวังกับตัณหาที่รุนแรงและอันตราย

เป็นการยากที่จะกำหนดแนวเฉพาะให้กับการ์ตูนเรื่องนี้ เนื่องจากอารมณ์ของการ์ตูนนั้นมีอยู่ทุกที่ เช่นเดียวกับผลงานอื่นๆ ของโทคุฮิโระ Kyoshiro 2030 ให้ความสำคัญกับภาพมุขตลก ซึ่งมีตั้งแต่อารมณ์ขันหวาดเสียวและใบหน้าตลกๆ ไปจนถึงฉากที่ตัวละครกำลังถ่ายอุจจาระ บ่อยครั้งที่มันรุนแรงถึงขีดสุดด้วยการสู้รบนองเลือดอย่างไร้ความปราณี เช่น การต่อสู้ระหว่างเคียวชิโระกับยากิ ชายผู้ “สมบูรณ์แบบ” มีการเปลือยกายและเซ็กส์บ่อยครั้งในทุกบท และบางครั้งมันก็เศร้าและสะเทือนอารมณ์อย่างมาก

เนื่องจากการสื่อถึงพลังแห่งความรักนั้นจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อและทำให้น้ำตากระตุกสำหรับมังงะที่ในหน้าต่อมามีแนวโน้มที่จะล้อเลียนเรื่องจู๋ สำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์กับความสัมพันธ์ระยะยาว การ์ตูนเรื่องนี้โดนใจจริงๆ ปัญหาร้ายแรงของสุพันธุศาสตร์และการทุจริตของรัฐบาลก็ได้รับการจัดการอย่างหนักเช่นกัน น่าทึ่งมากที่โทคุฮิโระสามารถเปลี่ยนโทนของเรื่องได้ในทันที

เป็นที่ยอมรับว่าเรื่องราวดำเนินไปในช่วงสั้น ๆ ประมาณครึ่งทางระหว่างโค้งฮิเดอากิซึ่งความขัดแย้งบางอย่างรู้สึกว่ายาวเกินไปสำหรับผลประโยชน์ของตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องราวย้อนหลังยาวเกี่ยวกับตัวละครที่ค่อนข้างไม่สำคัญบางตัวที่ทำเช่นนั้น รูปแบบการนำเสนอยังคงเป็นเอกลักษณ์ พูดน้อย และบทที่ตามด้วยทหาร นิโจ ฮิคารุ ส่วนใหญ่ทำขึ้นเพื่อสิ่งนี้ ส่วนโค้งของฮิคารุให้ความรู้สึกสยองขวัญแบบเยือกเย็นที่ฉันไม่เคยรู้สึกขณะอ่านมังงะมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกลัวที่เธอสื่อออกมาในขณะที่ตัดหัวตัวละครที่มีชื่อเสียง

อย่างที่คุณเดาได้ มังงะเรื่องนี้น่ารังเกียจอย่างมากในแทบทุกทางที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หยุดมันจากการเป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่าน และแม้แต่ผู้ที่ไม่ชอบอารมณ์ขันหยาบคายหรือสไตล์ศิลปะที่ไม่น่าดึงดูดก็ต้องยอมรับว่าการ์ตูนเรื่องนี้ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปอีกขั้น ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรายการโปรดส่วนตัวตลอดกาลของฉัน ฉันรู้สึกมั่นใจว่าซีรีส์นี้เป็นสิ่งที่แฟนการ์ตูนเซเน็นต้องอ่านอย่างแน่นอน